ประวัติศาสตร์ รองเท้าบาสเก็ตบอล

ประวัติศาสตร์ รองเท้าบาสเก็ตบอล


ยุค Classic ของเทคโนโลยีบาสเก็ตบอล  
เริ่มต้นจาก ยุคของ Chuck Taylor ของ All-Star และช่วงสุดท้ายของยุคอย่างรองเท้า ที่โด่งดังคือ Air Force One

  • 1921 – 1960  Chuck Taylor ได้ผลิตรองเท้า converse ขึ้นมาเพื่อใช้ในการเล่นบาสเก็ตบอล ซึ่งเป็นรุ่นที่ ปัจจุบันรู้จักกันดีในชื่อ The Original (Classic) ครอบงำวงการบาสเก็ตบอลในยุคนั้น มากกว่า 40 ปี เป็นรองเท้าผ้าใบพื้นยาง ที่เป็นสินค้าที่ขายดีที่สุดตลอดการ คือ 500 ล้านคู่ทั่วโลก จนมาถึงยุค 60 ความนิยมของรองเท้าผ้าใบเริ่มเสื่อมลง





  • 1972  การเริ่มต้นทำตลาดรองเท้าบาสเก็ตบอล ชอง Nike ที่มี ฐานอยู่ที่เมือง Oregon ในประเทศสหรัฐอเมริกา

  • ต้นยุค 70’ พูม่าได้สร้างความแปลกใหม่เมื่อเข้ามาใน ลีค. โดยที่ Clyde Frazier เป็นเจ้าของรองเท้าแบบ signature ของตัวเค้าเองเป็นครั้งแรก (Puma Low-top)





  • กลางยุค 70’ ถึงปลายยุค Converse และ Dr. J ได้ยกระดับการการเล่นขึ้นอีกระดับนึง โดยที่ เมจิก จอร์นสัน และ แลรี่ เบิร์ด ที่ใช้ converse ในการพัฒนาการแข่งขันถูกบรรทึกไว้ใน NBA

  • 1983 : รองเท้า air force one ได้ถูกสร้างขึ้น โดย nike basketball shoe เป็นครั้งแรก และเทคโนโลยี  nike air ซึ่งเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของ nike แต่เพียงผู้เดียว ทำให้ บริษัทก้าวขึ้นเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมของ รองเท้าบาสเก็ตบอล – ซึ่งตำแหน่งผู้นำทางด้านนี้แม้ในบัจจุบัน nike ก็ยังคงเป็นอยู่ และ การออกแบบ แบบ air force one ณ ปัจจุบัน ก็ยังคงความนิยมและยังคงเป็นรองเท้าที่ขายได้ดีที่สุด



ยุคของ จอร์แดน  ( 1985 - 1993 )
 ยุคของชายคนหนึ่งที่เป็นตำนารแห่งบาสเก็ตบอลที่ส่งผลมาถึงปัจจุบันนี้ และเป็นสัญญลักษณ์ของวงการบาสเก็ตบอล ทั้งในอดีตจนถึงปัจจุบันนี้





  • 1984 : หน้าใหม่แห่งวงการ บาสเก็ตบอลปรากฏตัวขึ้นในเกมส์ All Star ด้วยรองเท้าที่เป็นชื่อของเค้าเอง ...รองเท้าของเค้าจ่าย sponser ให้ในทุกๆครั้งในการเล่น แต่ละเกมส์ ด้วยรองเท้าที่มีสีสันมาก และไม่สอดคล้องกับสีทีม และการเริ่มต้นพูดถึงการกระโดดก็เริ่มต้นที่ยุคนี้




  • กลางปี 80’s เริ่มต้นของ Adidas โดย Patrick Ewing ก็ยังคงอยู่ใต้เงาของ จอร์แดนอยู่ไม่มีข้อยกเว้น แม้เขาจะประสบความสำเร็จในการแช่งขันพร้อมกับการผลิตรองเท้า EWING ก็ตามที






  • 1988 : Ewing ไม่ได้เป็นคนเดียวที่คิดจะผลิตรองเท้าเพื่อมาแข่งขัน จอร์แดน เองก็ด้วยที่ต้องการข้ามไปผลิตรองเท้า แต่ nike เองได้มีการออกแบบ รองเท้ารุ่น AIR Jordan III เพื่อรั้งทาง จอร์แดน เองไว้ โดยนักออกแบบชื่อ Tinker Hatfield เมื่อ ไมค์เห็น III มันก็เป็นประวัติศาสตร์ ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Air Jordan เท่าที่เคยมีมา






  • 1989 – 1990 : Original Pump สงครามชิงส่วนแบ่งทางการตลาดระหว่าง Reebok และ Nike ในช่วงปลายยุคได้เริ่มขึ้น โดย Reebok ได้พัฒนาขึ้นโดย ใช้เทคโนโลยีที่คล้ายกับปั้มลมเพื่อสูบลมเข้าไปในรองเท้า ทาง nike เองก็ไม่ได้ให้ความสำคัญเท่าไร เพราะทางด้านนี้ก็มีปั๊มเป็นของตัวเองเช่นกันแต่ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไรนัก






  • 1990-1993 : จอร์ แดนครอบงำ ฉากทุกฉากเกี่ยวกับรองเท้าของเค้า ทุกคนต้องการรองเท้าคู่ล่าสุดที่เค้าเป็น presenter ตั้งแต่ รองเท้ารอบ play-off ปี 89’ ของ บูล clear soles & reflective tongue V's Mars Blackman's และ "It's Gota Be Da Shoes" ส่วนเแบ่งการตลาดไม่เพียงแต่ชนะตลาดแต่ยังขยายไปทั่วโลก หลังจากจบเกมส์ที่ บาเซโลน่า





ครั้งที่สองของการเกษีนณ อายุของไมค์ ได้ตั้งโรงงานขึ้นมาอีกในเวลานี้ Nike ได้ตั้งแบรนด์ จอร์แดนขึ้นมา แต่น่าเสียดายที่ขาดการสนใจของ NBA และขาด super star มาเป็นรุ่น signature เสื้อและรองเท้าแนว retro'ed กลายเป็นที่นิยมมากขึ้น มากกว่าสิ่งใหม่ที่ผู้ผลิตได้สร้างขึ้นมา มันอาจจะเป็นการขาดจินตนาการหรือความคิดสร้าง สรรค์ ของบริษัท หรือ ความไม่เต็มใจของผู้บริโภค ที่จะย้ายขึ้นไปใช้เทคโนโลยีใหม่

  • 1999 : remake ของ Air Jordan เปิดตัวให้ผู้คลั่งใคล้ style Retro ทำให้เกิดการผลิตของสาย air jordan คนเดียวเท่านั้นขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของพวก retro

  • 1999 - ปัจจุบัน : Air Force 1 และความคลั่งใคล้ใน Dunk Presonifies(พวกดั๊งเกอร์) ยุค Throwback ที่ชอบการผสมสีให้รองเท้า ไม่ว่าสีอะไรก็ตามนำไปใช้ได้

  • 2000: SHOX เป็นเทคโนโลยีเพียงหนึ่งเดียว ที่พัฒนาขึ้นมาในยุคนี้ ซึ่งมี Vince Carter เป็นพรีเซนฯ NIKE SHOX BB4 ขายดีมากกว่าเดิมเจ็ดเท่าในท้ายเกมส์โอลิมปิก ในขนะที่ Adidas และ Reebok ตอบสนองด้วยการเปิดตัวเทคโนโลยีใหม่อย่างรวดเร็ว






  • 2000 - 2003 บทพิสูจน์ว่าอุตสาหกรรม รองเท้าได้เป็น ธุรกิจทั้งหมดแล้วความรักในแบร์นและความภัคดีจากผู้เล่นในแบร์นของพวกเค้าเพิ่มขึ้น พูม่าลงนามกับ nike หลังจากสู้กันด้วยกฏหมาย Garnett ออกจาก nike เพื่อมาสู่ And1 และ Adidas โคบี้ หลังจากอยู่กับ adidas ก็ย้ายมาอยู่กับ Nike





 homepage

อ้างอิง https://www.facebook.com/Boot4You/














ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้